Sunday 19 March 2017

กระบวนการพัฒนาไปสู่ชุมชนการเรียนรู้


กระบวนการพัฒนาไปสู่ชุมชนการเรียนรู้ 
รหัสดีโอไอ10.14457/KKU.the.2009.7
Titleกระบวนการพัฒนาไปสู่ชุมชนการเรียนรู้ /
Creatorสุชาดา น้ำใจดี
Contributorลำปาง แม่นมาตย์,
Publisherมหาวิทยาลัยขอนแก่น,
Publication Year2552
Keywords1. การพัฒนาชุมชน(ชุดที่1)
2. ชุมชนการเรียนรู้(ชุดที่2)
ดิจิทัลไฟล์Fulltext #1
Fulltext #2
Fulltext #3
Fulltext #4
Fulltext #5
Fulltext #6
Fulltext #7
Fulltext #8
Fulltext #9

บรรณานุกรม






Friday 3 March 2017

สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด ตอนที่ 4

สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด ตอนที่ 4 

การบวกลบเลขโดยใช้ลูกคิดแถวบนและล่าง +6, และ +7

หลังจากเด็กบวกลบด้วย +1, +2,+3,+4,และ +5 ได้โดยไม่ต้องใช้สูตรแล้ว เราก็มาเริ่มสอนให้เด็กบวกลบเลขด้วย +6 และ +7 กันค่ะ

แนวทางสอนสำหรับการบวกลบ

  • บวกเม็ดล่างด้วยนิ้วโป้ง
  • ลบเม็ดล่างด้วยนิ้วชี้
  • เม็ดบน (จำนวน 5) ทั้งบวกและลบด้วยนิ้วชี้
  • + 6 คือต้องเลื่อน 1+5 เสมอ
  • + 7 คือต้องเลื่อน 2+5 เสมอ

แบบฝึกหัดฝึกนิ้ว

  • +6 เช่น 1+6 (เลื่อนเม็ดล่าง 1 เม็ด ตามด้วย เม็ดล่างอีก 1 เม็ดและเม็ดบนที่เป็นจำนวน 5)
  • +6 เช่น 2+6 (เลื่อนเม็ดล่าง 2 เม็ด ตามด้วย เม็ดล่างอีก 1 เม็ดและเม็ดบนที่เป็นจำนวน 5)
  • +6 เช่น 3+6 (เลื่อนเม็ดล่าง 3 เม็ด ตามด้วย เม็ดล่างอีก 1 เม็ดและเม็ดบนที่เป็นจำนวน 5)
  • +7 เช่น 1+7 (เลื่อนเม็ดล่าง 1 เม็ด ตามด้วย เม็ดล่างอีก 2 เม็ดและเม็ดบนที่เป็นจำนวน 5)
  • +7 เช่น 2+7 (เลื่อนเม็ดล่าง 2 เม็ด ตามด้วย เม็ดล่างอีก 2 เม็ดและเม็ดบนที่เป็นจำนวน 5)

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดเสริม

  • เขียนไวโดยจับเวลา 1 นาที ให้ลูกเขียน 1234567890 ดูว่าจะเขียนได้กี่แถว
  • ถ้าท่องสูตรคูณแม่ 2 ได้แล้วให้หัดท่องสูตรคูณแม่ 3 โดยให้คัดและท่อง 3×1=3, 3×2=6 ไปเรื่อยๆจนถึง 3×10=30
  • หัดเขียน Small Friends หรือหุ้นส่วนเล็ก 41322314 และจับเวลา 1 นาที




ขอบคุณที่มา ::  http://homeschoolthailand.com/abacus-4/

สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด ตอนที่ 3

สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด ตอนที่ 3 

การบวกลบเลขโดยใช้ลูกคิดแถวบนและล่าง



การเรียนจินตคณิตนั้นต้องเรียนกันเป็นขั้นตอน หากคุณยังไม่ได้อ่าน ตอนที่ 1  และ ตอนที่ 2 ให้คลิกและกลับไปอ่านก่อนและให้ลูกฝึกคิดเลขโดยใช้แบบฝึกหัดและลูกคิดอย่างน้อย 1 อาทิตย์ก่อนจะเริ่มขั้นตอนที่ 3  และหัวใจสำคัญของการเรียนให้ได้ผลดีคือการหมั่นฝึกฝนทุกวัน ทั้งทำแบบฝึกหัดอย่างน้อยวันละแผ่น หัดท่องสูตรคูณ หัดเขียนไว และหัดจำพวกหุ้นส่วนหรือ Friends ไว้ล่วงหน้าเพราะสำคัญต่อการเรียนขั้นสูงขึ้นไปนั่นเอง
สำหรับบทความฉบับนี้จะขอเรียบเรียงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากครู นั่นก็คือการสอนให้ลูกหัดบวกลบเลขโดยใช้ลูกคิดแถวบน (เม็ด 5) และลูกคิดแถวล่าง (เม็ด 1-4)

สิ่งที่เด็กควรจะได้เรียนรู้

  • การบวกลบด้วย 5 โดยใช้ลูกคิด
  • หัดฝึกนิ้วมือ – 5 ด้วยนิ้วชี้และ + 5 ด้วยนิ้วชี้เหมือนกัน
  • ฝึกนิ้วโดยการให้เด็กหัดบวกลบผ่านลูกคิดโดยใช้จำนวน 1+5, 2+5, 3+5, 4+5, 5-5

แบบฝึกหัดการบวกลบเลขโดยใช้ลูกคิดแถวล่างและบน

กิจกรรมเสิรมที่ควรทำทุกวัน

  • เขียนไวโดยจับเวลา 1 นาที ให้ลูกเขียน 1234567890 ดูว่าจะเขียนได้กี่แถว
  • หัดท่องสูตรคูณแม่ 2 โดยให้คัดและท่อง 2×1=2, 2×4=4 ไปเรื่อยๆจนถึง 2×10=20
  • หัดเขียน Small Friends หรือหุ้นส่วนเล็ก 41322314 และจับเวลา 1 นาที


ขอบคุณที่มา ::  http://homeschoolthailand.com/abacus-3/


สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด ตอนที่ 2

สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด  ตอนที่ 2 

การบวกลบเลขโดยใช้ลูกคิดแถวล่าง

หากคุณยังไม่ได้อ่านตอนแรก เเวะ อ่านพื้นฐานการสอนลูกคิดให้ลูกตอนที่ 1 ค่ะ  ก่อนสอนลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้น้องจับลูกคิดให้ถูกวิธีก่อนนะคะ โดยวางลูกคิดไว้บนโต๊ะ มือขวาดีดลูกคิด ซื้อซ้ายจับลูกคิดเพื่อไม่ให้เลื่อนค่ะ หากลูกคิดเลื่อนคำตอบที่ได้จะผิดทันที  การบวกลบลูกคิดแถวล่างนั้นเป็นการฝึกจับลูกคิดและบังคับนิ้วไปด้วย

วิธีการสอน

  • ให้เด็กจับดินสอด้วยมือขวา ซึ่งเป็นมือที่จะใช้บวกลบลูกคิดแถวล่าง จับดินสอนไปด้วย ดีดลูกคิดไปด้วย
  • ให้เด็กบวกลบโดยใช้ลูกคิดแถวตรงกลางสุด ซึ่งเราจะเรียกแถวนี้ว่า Home Beads ค่ะ
  • เวลาเวลานับเพื่อบวกลูกคิดแถวล่าง ให้เลื่อนลูกคิดโดยใช้ นิ้วโป้งขวา
  • สำคัญมากว่าเด็กต้องใช้นิ้วโป้งเลื่อนเพราะจะเป็นการช่วยให้เด็กจำว่า นิ้วโป้งเลื่อนคือการบวกเลข
  • เวลาที่ลบเลขให้เด็กใช้ นิ้วชี้ ซึ่งจะช่วยให้เด็กจำว่าการลบลูกคิดแถวล่างนั้นต้องใช้นิ้วชี้
  • จำง่ายๆคือ แถวล่าง บวกด้วยนิ้วโป้ง และลบด้วยนิ้วชี้

สิ่งที่เด็กจะทำได้หลังจากการฝึกในขั้นนี้คือ

  1. บวกเลขจำนวน 1,2,3,4 ได้ ใช่ 1+1, 1+2, 1+3, 2+1, 2+2, 3+1
  2. ลบเลขจำนวน 1,2,3,4 ได้ เช่น 1-1, 2-1, 3-1, 4-1, 4-2, 2-2, 3-1, 3-2, 4-3, 3-3

แบบฝึกหัดการบวกลบเลขโดยใช้ลูกคิดแถวล่าง

การสอนเพิ่มเติม

  • สิ่งที่พ่อแม่ต้องสอนเพิ่มเติมคือ สอนลูกให้รู้จัก Small Friends หรือหุ้นส่วน ซึ่งเป็นเลขที่บวกกันแล้วได้ 5 ค่ะ โดยให้เด็กเขียนเลขแถวนี้จนคล่อง “ 41322314”
  • หัดเขียนไวโดยการให้ลูกเขียนเลข 1234567890 และจับเวลาว่า 1 นาทีเขียนได้กี่แถว
  • สอนท่องสูตรคูณแม่ 2  โดยการให้เด็กเขียน 2 x 1=2 ไปจนถึง 2 x 10 = 20
  • ชวนลูกหัดจับและเลื่อนลูกคิด โดยเราเป็นคนบอกจำนวนให้ลูกดีดลูกคิดให้ตรงกับจำนวนที่บอก
  • ใช้แฟรชการ์ดเพื่อช่วยให้ลูกจำจำนวนลูกคิดได้ คลิกเพื่อดาวน์โหลดไฟล์เเฟรชการ์ด

ขอขอบคุณ ::  http://homeschoolthailand.com/abacus-2/


สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด ตอนที่ 1

สอนลูกเรียนคณิตศาสตร์ด้วยลูกคิด  ตอนที่ 1 

ทำความรู้จักกับลูกคิด (พร้อมแบบฝึกหัด)


ลูกคิด….คำนี้คิดว่าหลายๆคนคงคุ้นเคยกันดีค่ะ ลูกคิดถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ประเภทแรกของโลกเลยก็ว่าได้ แต่แม่แอ๋วขอไม่เล่าประวัติลูกคิดแล้วกันนะคะเพราะเพื่อนสมาชิกสามารถหาข้อมูลอ่านได้ในเว็บอื่นๆ แม่แอ๋วขอเริ่มการสอนลูกคิดให้ลูกเลยดีกว่า
เนื่องจากตอนนี้ได้ส่งลูกชายไปเรียนลูกคิดและพอลูกเรียนอะไร แม่ก็ต้องเรียนตามและต้องทำได้ด้วยถึงจะสามารถสอนเสริมที่บ้านได้ด้วยตนเอง ดังนั้นแม่แอ๋วจึงรวบรวมข้อมูลที่ได้หามาและได้เรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อต่างๆมาไว้ในเว็บไซต์ค่ะ หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจค่ะ

ประโยชน์ของลูกคิด

พอพูดถึงลูกคิด หลายๆคนคงนึกถึงวิดีโอที่เด็กคิดเลขได้ไวปานสายฟ้าแลบ คิดได้เร็วกว่าเครื่องคิดเลขและบวกลบเลขหลายๆหลักได้ในใจ สำหรับแม่แอ๋วแล้ว การคิดเลขเร็วเป็นเพียงแค่ผลพลอยได้ของการเรียนลูกคิดเท่านั้นค่ะ  นอกจากอยากให้ลูกคิดเลขได้ไวแล้ว ประโยชน์อีกอย่างที่แม่แอ๋วเล็งเห็นความสำคัญคือการพัฒนาและกระตุ้นสมองซีกขวาซึ่งเป็นสมองซีกที่ไม่ค่อยได้ใช้งานนักเมื่อเด็กโตขึ้นเนื่องจากคนส่วนใหญ่พอโตขึ้นมาสมองซีกซ้ายจะมีอิทธิพลและถูกใช้มากกว่า สมองซีกขวาเป็นสมองซีกอัจริยะดังนั้นหากได้รับการกระตุ้นให้ใช้งานได้เสมอก็จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้เรียน  การเรียนลูกคิดในระดับสูงคือเด็กต้องสามารถนึกภาพลูกคิดในหัวและคิดเลขผ่านลูกคิดที่อยู่ในหัวเขานั่นเอง นอกจากนี้การเรียนลูกคิดยังเน้นความไว ความแม่นยำ และสร้างสมาธิได้เป็นอย่างดี  พ่อแม่หลายๆคนที่ส่งลูกไปเรียนลูกคิดจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกคือนั่งทำงานหรือเรียนได้นิ่งขึ้นและผลการเรียนวิชาอื่นก็ดีขึ้นด้วยเหมือนกัน

เริ่มต้นสอนเมื่อไหร่ดี

จากที่ได้ฟังมาจากแม่ๆที่ส่งลูกไปเรียนลูกคิด ที่เมืองไทยมีเริ่มกันตอน 3 ขวบนิดๆ แต่ครูที่โรงเรียนสอนลูกคิดของเจคอบเขาไม่รับเด็กเล็กเลยค่ะ ก่อนเข้าเรียนมีข้อสอบด้วยและเด็กต้องเขียนเลข 0-9 ได้ ต้องรู้จักตัวเลข 1-20 ก่อน เพราะเขาถือว่าการเรียนลูกคิดต้องใช้สมาธิในการเรียน เด็กเล็กเกินไปเรียนแล้วจะเด้งๆกันตลอด ไม่นิ่ง แบบนี้อาจจะไม่ค่อยได้ผลและเสียตังค์ฟรีๆ พ่อแม่คนไหนอยากส่งลูกเรียนแบบจริงๆจังๆ คลาสเด็กเล็กต่ำกว่า 4-5  ขวบ แม่แอ๋วมองว่าเป็นการค้าค่ะ ถ้าจะเรียนกันจริงจัง รอให้ลูกอายุสัก 5 ขวบอัพก่อน เด็กจะนั่งได้นิ่งและนานและเริ่มเรียนได้แบบจริงจัง  ถ้าอยากสอนเด็กเล็กๆจริงๆ เราสอนเองที่บ้านก่อนก็ได้ ทำกันเล่นๆ สอนให้นับด้วยลูกคิด แฟรชการ์ดลูกคิด ไว้พอลูกพร้อมที่จะนั่งเรียนและฟังครูได้แล้วค่อยพาลูกไปเรียนแบบจริงจัง ถ้าลูกอายุแรกเกิดจนถึงประมาณ 3 ขวบ แม่แอ๋วแนะนำให้ใช้วิธีการกระตุ้นสมองซึกขวาผ่านการเเฟรชเร็ว (คลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม)
อย่างไรก็ดี หากลูกเล็กวัย 3-4 ขวบของคุณเป็นเด็กนิ่ง สมาธิดี ชอบเรียนและนั่งฟังครูสอนหรือทำกิจกรรมได้นานๆ คุณก็สามารถพาลูกไปเรียนได้ แต่ละสถาบันน่าจะมีแบบให้ทดลองเรียนฟรีนะคะ

ทำความรู้จักส่วนต่างๆของลูกคิด


แม่แอ๋วขอใช้ terms ที่ลูกชายได้เรียนจากโรงเรียนนะคะ ไม่รู้ว่าเมืองไทยเรียกส่วนแต่ละส่วนว่าอย่างไร ขออนุญาตใช้คำศัพท์ที่ครูที่ UCMAS (โรงเรียนลูกคิดของลูกชาย) ใช้ในการสอนคณิตศาสตร์ให้ลูกชายค่ะ
abcus1

ส่วนที่จะขอพูดถึงในวันนี้คือ units หรือหลักหน่วยก่อนนะคะ
  • ลูกคิด 4 ลูกล่างมีค่าเป็น 1
  • ลูกคิด 1 ลูกบนมีค่าเป็น 5

ทักษะเบื้องต้น

สิ่งที่คุณควรสอนเด็กในช่วงแรกคือ
  1. สอนให้เด็กจำจำนวนลูกคิดและรู้ว่าลูกคิดแค่ละรูปแทนจำนวนอะไร โดยการใช้บัตรคำหรือไฟล์ powerpoint พอเด็กเห็นลูกคิดแล้วก็จะบอกได้เลยทันทีว่าลูกคิดนี้แทนจำนวนอะไร
  2. หาซื้อลูกคิดมาไว้เพื่อสอนลูกที่บ้าน ลูกคิดที่ใช้ในการสอนเด็กคิดเลขไวเป็นลูกคิดของญี่ปุ่นชื่อ โซะโระบัง มีน้องบอกว่าซื้อได้ที่ไดโซะ
  3. ให้เด็กเขียนเลข 1,2,3,4,5,6,7,8,9,0 เป็นแถว โดยจับเวลา 1 นาทีว่าจะได้กี่แถว เทคนิคคือเด็กต้องเขียนให้เร็ว ให้ไว ถูกต้องแม่นยำ และต้องเขียนตัวเล็กๆถึงจะเขียนได้ไว
  4. หัดให้เด็กรู้จักกับหุ้นส่วนหรือ Little Friends ซึ่งคือเลขที่บวกกันได้ 5 นั่นเอง โดยให้เด็กเขียนตัวเลขตามนี้ค่ะ 41322314  ก่อนที่เด็กจะเขียนแถวเลขนี้ เด็กควรจะรู้ก่อนนะคะว่า 4+1=5, 3+2=5, 2+3=5 และ 1+4=5   พอเด็กเขียน 41322314 คล่องแล้วให้เริ่มจับเวลา


การกระตุ้นสมองซีกขวาด้วยการเเฟรชการ์ดจุดแสดงจำนวนอย่างรวดเร็วในแบบชิจิดะ

จากหลักการสอนของชิจิดะ การคำนวณได้อย่างว่องไวเหมือนเครื่องคิดเลขนั้นเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งของขบวนการทำงานโดยอัตโนมัติของสมองซีกขวา คุณสามารถสอนลูกน้อยของคุณให้จำจำนวนจุดได้มากสุดถึง 100 จุด และในที่สุดลูกก็จะสามารถเรียนรู้ในการตอบโจทย์ที่มีความซับซ้อนได้ก่อนที่จะรู้หรือเข้าใจว่าคณิตศาสตร์คืออะไร
จากหลักการของชิจิดะ คนจำนวนมากเข้าใจประสิทธิภาพทางปัญญาของเด็กเล็กผิดไป  โดยส่วนใจเชื่อว่าความสามารถนี้จะค่อยเติบโตเมื่อเด็กเริ่มสะสมความจำผ่านการเรียนรู้ ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล และเรียนรู้ผ่านวิธีการอธิบาย เราทุกคนชอบคิดกันว่า การจำสิ่งต่างๆได้นั้นเป็นเพราะว่าคนเราได้ทำสิ่งนั้นๆซ้ำแล้วซ้ำอีก  แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเราเห็นเด็กเล็กอายุ 4-5 เดือนตอบโจทย์เลขได้ ทั้งๆที่จากดูจากความทรงทำแล้ว ไม่น่าจะทำอย่างนั้นได้ หรือเมื่อเรากำลังสอนโจทย์ผ่านการแสดงจุดให้ลูกหลังจากที่ลูกพึ่งเกิด  คนก็ต่างจะพากันต่อต้านขับไล่แนวทางการสอนลูกแบบนี้
โดยเนื้อแท้แล้ว สมองของมนุษย์มีประสิทธิภาพในการทำงานได้ในระดับสูงเหมือนคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถทำให้คนเราคำนวณโจทย์ที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูง กระบวนการนี้เป็นสิ่งที่สมองซีกขวาได้ “ออกแบบไว้ล่วงหน้าแล้ว” ไม่ใช่สิ่งที่มาเรียนรู้เอาทีหลัง มันจะทำงานโดยไม่มีความสัมพันธ์กับระบบความจำเลย

ขั้นตอน 3 อย่างสู่ความสำเร็จในการสอนลูกแบบใช้จุด

  1. ตอบคำถามได้ถูก 100% เมื่อมีการให้เลือกคำตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง
  2. สามารถเห็นคำตอบเป็นรูปภาพและสามารถเขียนตอบได้
  3. สามารถเชื่อมกับสมองซีกซ้ายได้
เมื่อลูกอายุได้ 3 ขวบ ให้พยายามพัฒนาความจำผ่านรูปภาพ การฝึกฝนการจำรูปภาพเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นต้องมีการฝึกฝนอยู่เสมอเพราะความสันพันธ์ของสมองซีกซ้ายและขวาจะได้รับการสร้างอย่างมั่นคงผ่านการตอบโจทย์หลายๆข้อ ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ลูกคุณจะรักษาความสามารถในการคำนวณผ่านสมองซีกขวาไว้ได้ไม่ว่าเด็กจะอายุเท่าไหร่แล้วก็ตาม

ข้อควรพิจารณาที่สำคัญสำหรับพ่อแม่

1. พ่อแม่ต้องมีความคิดเชิงบวก

หากลูกเลือกคำตอบผิด คุณก็เพียงแค่ให้ลูกดูคำตอบที่ถูกต้องและอ่านคำตอบที่ถูกต้องให้ลูกฟัง อย่าแสดงความผิดหวังเพราะการแสดงออกแบบนั้นจะส่งผลให้เด็กคิดว่า คุณกำลังคิดว่าลูกไม่สามารถทำได้ และจะทำให้ลูกคุณเครียดในที่สุด และการสอนแบบนี้จะไม่เป็นผลสำเร็จหากคุณคิดว่าลูกคุณไม่เข้าใจสิ่งที่คุณสอน

2. เลิกวิธีคิดแบบสมองซีกซ้าย

พยายามเลิกหาเหตุผลระหว่างการสอนและอย่าพยายามทำให้ลูกท่องจำ

3. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก

ขอให้คุณสนุกกับการสอนลูก เมื่อคุณเสร็จจากการแฟรชบัตรแล้ว ให้กอดลูก และบอกลูกจากใจจริงว่า “ขอบคุณนะลูกที่ดูบัตรในวันนี้ แม่มีความสุขมากเลย”

4. ผ่อนคลาย

หากคุณเคร่งเครียดในระว่างรอบการแฟรชบัตร  สมองซีกขวาของลูกคุณจะปิดตัวลง และเปลี่ยนหน้าที่การทำงานไปเป็นสมองซีกซ้ายแทน หากลูกคุณเครียด ลูกคุณจะไม่สามารถซึมซับข้อมูลได้ถึงแม้ว่าในตอนนั้นจะมองดูบัตรคำอยู่ก็ตาม

5. อย่าสงสัยในความสามารถของลูก

ขอให้คุณเข้าใจว่าการสอนจุดให้ลูกนั้นมันก็เป็นกระบวณการเดียวกันกับการเรียนรู้ภาษา เหมือนกันตรงที่ลูกคุณจะเริ่มเข้าใจภาษาก่อนที่จะพูดได้เสียอีก และนี่ก็เหมือนกันที่ว่าลูกคุณจะเข้าใจการสอนแบบจุดก่อนที่จะได้เห็นส่วนประกอบอื่นๆเสียอีก หากเราเปรียบเทียบการคำนวณกับหลักภาษา จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนอะไรเลย สำหรับเด็กเล็กนั้น จุดเป็นเรื่องง่ายและสนุก คุณเองก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกับจุดนี้ด้วยนะคะ

ประโยชน์จากการสอนลูกด้วยวิธีจุด

  1. นอกจากการสอนผ่านจุดจะช่วยให้ลูกคุณมีความสามารถคำนวนได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังจะช่วยให้สมองลูกคุณทำงานแตกต่างออกไปโดยการกระตุ้นการเริ่มทำงานของสมองซีกขวา ในขณะเดียวกัน มันจะช่วยดึงพลังการจำข้อมูลเป็นรูปภาพของสมองซีกขวา   ความสามารถเรื่อง ESP (Extra Sensory Perceptions –การที่คนเราสามารถรับรู้สิ่งต่างๆได้โดยไม่ต้องอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5 )  พลังในการจำ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการคิดอะไรได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการสอนวันละสองสามนาทีเท่านั้นเอง
  2. การคำนวณผ่านจุดเป็นความสามารถของสมองซีกขวาซึ่งติดตัวเด็กทุกคนมาตั้งแต่เกิด เมื่อลูกคุณสามารถที่จะเปิดความสามารถทางธรรมชาติด้านการคำนวณได้ วิชาคณิคศาสตร์ก็จะกลายเป็นวิชาที่เรียนได้อย่างง่ายดาย

คำแนะนำในการสอน

หากลูกของคุณไม่มองดูจุด คุณควรจะประมวลบทเรียนของคุณใหม่ คุณเคยบังคับให้ลูกดูจุดหรือเปล่า คุณเคยพยายามให้ลูกดูบัตรจุดอันเดิมๆหรือเปล่า ขอให้จำไว้ว่าการทำอะไรซ้ำๆทำให้เด็กเบื่อ หากลูกเบนสายตาไม่ยอมดูบทเรียน ลูกก็กำลังส่งสัญญาณว่าลูกเข้าใจบทเรียนนั้นแล้ว และคุณสามารถข้ามไปขั้นต่อไปได้เลย หากลูกไม่ยอมมองจุดเลย ให้คุณหยุดบทเรียนนั้นไปสังสองสามเดือน แล้วค่อยเริ่มใหม่อีกที
การสอนแบบจุดนั้น ไม่ใช้การสอนให้จำ ดังนั้นจะทำแบบพักบ้างก็ไม่เป็นไร หลังจากการพัก ลูกก็จะกลับมาสนใจมองดูจุดอีกครั้ง เด็กทารกสามารถเรียนได้ภายในเวลาหนึ่งวินาที ดูเหมือนว่าเด็กจะไม่ได้มองดูจุดเลย แต่จริงๆแล้ว เด็กใช้เวลามองจุดแค่หนึ่งวินาทีก็สามารถเรียนรู้จุดได้แล้ว

ความแตกต่างของชิจิดะกับโปรแกรมอื่น

1.  การเรียง และการสุ่ม VS การสุ่มอย่างเดียว

ชิจิดะเชื่อว่าสมองซีกขวาสามารถบันทึกรายการได้เป็นจำนวนมากและอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าของพวกนั้นจะมีการวางเรียงไว้ในลักษณะไหน

2. รูปภาพคณิตศาสตร์

รูปที่ใช้ควรจะมีรูปอื่นด้วย ไม่ใช่แค่จุดเพียงอย่างเดียว นี่จะช่วยรักษษความสนใจของลูกคุณและทำให้ลูกสนใจโปรแกรม

3. การใช้สีแดงเท่านั้น

สีแดง ไม่ใช้สีเพียงสีเดียวที่เหมาะสำหรับการสอนเด็กเล็ก เราสามารถใช้สีใดก็ได้ที่ตัดกันอย่างชัดเจนกับพื้นหลัง(สีขาว)

4. การจำข้อมูลได้เป็นจำนวนมากของสมองซีกขวา / ความสามารถในการคำนวณได้โดยธรรมชาติ

ชิจิดะเชื่อว่าการทำงานของสมองซีกขวาคือหัวใจของการสอนแนวนี้

5. การเร่งความเร็วของการป้อนข้อมูล

ชิจิดะใช้ประโยชน์จากความสามารถในการจำข้อมูลเป็นจำนวนมากของสมองซีกขวาโดยการแฟรชบัตรในอัตราความเร็ว 0.5 วินาทีต่อหนึ่งใบ
โปรแกรมนี้แบ่งออกเป็นขั้นตอนที่แตกต่างกันไป ซึ่งคุณทำตามได้ตั้งแต่ปีแรกเป็นต้นไป หน้าที่ของคุณคือการสอนหลักสูตร 65 วันให้ครบทั้งสี่รอบ คุณสามารถให้ลูกดูบทเรียนได้มากกว่าหนึ่งบทต่อวันแล้วแต่ความสนใจและสมาธิของลูกคุณ และคุณต้องพร้อมเสมอที่ต้องปรับโปรแกรมการสอนให้เหมาะกับลูก เปลี่ยนบทเรียนใหม่ทันทีที่ลูกคุณเริ่มเบื่อ
บทความข้างต้น แปลและเรียบเรียงมาจาก http://www.figur8.net

ขอบคุณที่มา ::   http://homeschoolthailand.com/basic-abacus-1/